ผมก็ไม่อยากผิดหวัง!! แรชฟอร์ด เปิดใจยาวหลังทำอังกฤษอกหัก

ข่าวแมนยู ล่าสุด มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกมาขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง จากการยิงลูกจุดโทษไม่เข้า พร้อมขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้กำลังใจตน แถมป่าวประกาศด้วยความภาคภูมิใจด้วยว่าตัวเองเป็นคนผิวสี หลังจากที่ผ่านมาทั้งเขา, เจดอน ซานโช่ และ บูกาโย่ ซาก้า โดนแฟนบอลบางส่วนเหยียดผิวอย่างหนัก

  ทั้งนี้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าทีมชาติอังกฤษ กล่าวขอโทษทุกฝ่ายที่ตนยิงลูกจุดโทษไม่เข้าจนมีส่วนทำให้ "สิงโตคำราม" ชวดแชมป์ ยูโร 2020 จากการแพ้ อิตาลี ในช่วงดวลจุดโทษของนัดชิงชนะเลิศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ในนัดดังกล่าว แกเร็ธ เซาธ์เกต ตัดสินใจเปลี่ยน แรชฟอร์ด ลงมาในช่วงท้ายๆ ของการต่อเวลาพิเศษ เพื่อหวังให้เขารับหน้าที่ยิงจุดโทษในช่วงดวลเป้าโดยเฉพาะ แต่ดาวเตะจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับยิงไปชนเสาเอง ก่อนที่หลังจากนั้น เจดอน ซานโช่ กับ บูกาโย่ ซาก้า จะยิงไม่เข้าเหมือนกัน ซึ่งมันก็ทำให้ทั้ง 3 คนโดนแฟนบอล อังกฤษ บางส่วนรุมด่าอย่างหนัก และมันก็ถึงขั้นมีการใช้คำพูดเชิงเหยียดผิวเลย

ล่าสุด “แรชฟอร์ด” ได้เปิดใจผ่านโซเชี่ยลว่า “ที่จริงผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะเริ่มต้นยังไงดี และไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกของผมในตอนนี้ออกมาเป็นคำพูดแบบไหนดี ผมมีฤดูกาลที่ยากลำบาก ผมคิดว่าหลายคนคงเห็นถึงเรื่องนั้นกันชัดเจนอยู่แล้ว และผมก็อาจจะมีชื่อติดทีมนัดชิงชนะเลิศโดยที่ขาดความมั่นใจอยู่บ้าง”

“ปกติแล้วผมเชื่อมั่นในตัวเองกับการยิงลูกจุดโทษอยู่เสมอ แต่ตอนนั้นผมรู้สึกว่าบางอย่างมันไม่ถูกต้อง ระหว่างจังหวะที่วิ่งไปยิงน่ะผมซื้อเวลาให้ตัวเองนิดหน่อย และมันก็โชคร้ายที่ผลลัพธ์ไม่ออกมาเป็นไปตามที่ผมต้องการ ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมทำให้เพื่อนร่วมทีมของผมผิดหวัง”

“ผมถูกขอให้ช่วยทีมด้วยการยิงลูกจุดโทษให้เข้า ผมสามารถยิงลูกจุดโทษได้สบายๆ อยู่แล้ว ดังนั้นทำไมผมถึงไม่ควรรับหน้าที่ยิงลูกนั้นกันล่ะ ? ผมนึกย้อนถึงตอนที่ตัวเองยิงลูกจุดโทษพลาดอยู่ตลอดนับตั้งแต่ตอนที่ผมยิงไปแล้ว และมันก็อาจจะอธิบายความรู้สึกของผมออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย”

“นัดชิงชนะเลิศ, การรอคอยที่ยาวนาน 55 ปี (นับตั้งแต่ที่ อังกฤษ ได้แชมป์ ฟตุบอลโลก 1966), ลูกจุดโทษเพียงลูกเดียว, ประวัติศาสตร์อยู่แค่เอื้อม สิ่งที่ผมพูดได้มีเพียงคำว่า ขอโทษครับ ผมหวังว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบอื่น ในขณะที่ผมทำได้เพียงขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้น ผมก็อยากจะขอยกย่องบรรดาเพื่อนร่วมทีมของผมด้วย”

“ช่วงซัมเมอร์นี้ถือเป็นหนึ่งในการเข้าแคมป์ซ้อมที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา และพวกนายทุกคนก็มีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้มันเป็นแบบนั้น เราสร้างความสัมพันธ์แบบพี่น้องกันขึ้นมาได้ และสิ่งนั้นจะไม่มีวันถูกทำลายลงได้ ความสำเร็จของพวกนายก็คือความสำเร็จของฉัน ความล้มเหลวของพวกนายก็เป็นความล้มเหลวของฉันเหมือนกัน”

“ผมอยู่ในวงการกีฬานี้มานานมากจนผมคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้อ่านเจอเรื่องต่างๆ ที่เขียนเกี่ยวกับตัวผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีผิวของผม, สถานที่ที่ผมเติบโตมา หรือผมทำอะไรเวลาอยู่นอกสนาม ผมไม่มีปัญหาอะไรกับการโดนตำหนิเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นของตัวเอง ผมยิงลูกจุดโทษได้ไม่ดีพอ มันควรจะเข้าประตูไปแท้ๆ”

“อย่างไรก็ตาม ผมจะไม่มีวันกล่าวขอโทษกับเรื่องที่ว่าผมเป็นคนยังไง และเติบโตมาจากที่ไหน มันไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่ผมจะรู้สึกภาคภูมิใจไปมากกว่าตอนที่ได้สวมเสื้อที่มีตราสิงโต 3 ตัวอยู่บนหน้าอกของผม รวมถึงตอนที่ได้เห็นครอบครัวของผมเชียร์ผมอยู่ท่ามกลางคนดูหลายหมื่นชีวิต”

“บรรดาข้อความที่ผมได้รับมาในวันนี้เต็มไปด้วยข้อความที่ดีๆ และการได้เห็นปฏิกิริยาของผู้คนจากย่านวิทธิงตันมันก็ทำให้ผมแทบจะร้องไห้ออกมาเลย คนในชุมชนนั้นคอยโอบแขนของผมเพื่อช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้นสู้อยู่เสมอ”

“ผมคือ มาร์คัส แรชฟอร์ด ชายผิวสีอายุ 23 ปีจากย่านวิทธิงตัน และ วิธเฮนชอว์ ทางตอนใต้ของเมืองแมนเชสเตอร์ ถ้าวันหนึ่งผมไม่เหลืออะไรเลยแล้วล่ะก็ ผมก็ยังมีสิ่งนั้นอยู่ ผมขอขอบคุณข้อความที่ให้กำลังใจผมทุกข้อความ ผมจะกลับมาในสภาพที่แกร่งกว่าเดิม เราจะกลับมาในสภาพที่แกร่งกว่าเดิม MR10”